ข้าวโพดต้นสดขายดีกว่าแบบฝัก ปศุสัตว์ชี้นำไปทำอาหาร TMR คุ้มค่ากว่าหญ้าเนเปียร์
นายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยว่า เพื่อให้เกษตรกรได้น้ำนมโคมีคุณภาพ คุ้มค่าการลงทุน กรมปศุสัตว์จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมปลูกข้าวโพดขายต้น ให้สหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม นำไปใช้ทำอาหาร TMR ปรากฏว่า ไม่เพียงจะช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรได้ดีกว่าการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อขายฝัก และดีกว่าเนเปียร์เพราะใช้น้ำน้อยกว่า
อธิบดีกรมปศุสัตว์บอกว่า การปลูกข้าวโพดขายต้นในโครงการนี้มีทางเลือกให้เกษตรกรทำได้ 2 แบบ นั่นคือ ปลูกข้าวโพดแอ้หรือข้าวโพดฝักอ่อน ระยะเวลา 2 เดือน จะได้ผลผลิตฝักอ่อนไร่ละ 2,000 กก. เกษตรกรเก็บไปขายได้ 7,000 บาทต่อไร่ (ราคาขาย กก.ละ 3.50 บาท) และหลังจากเก็บฝักอ่อนเกษตรกรยังนำต้นสดขายเป็นอาหารสัตว์ให้ฟาร์มโคนมได้อีกไร่ละ 300-500 บาท
ส่วนแนวทางที่ 2 คือ ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 80 วัน ขายต้นสด (ไม่ได้ขายฝักเหมือนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั่วไป ที่ใช้เวลาปลูก 120 วัน) พื้นที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิต 30,000 กก. ขายเป็นต้นสดได้ราคา กก.ละ 1 บาท หักต้นทุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดไร่ละ 15,195 บาท ซึ่งทางเลือกนี้จะทำให้เกษตรกรมีกำไรเฉลี่ยไร่ละ 4,900 บาทต่อเดือน
นายสัตวแพทย์อภัย กล่าวอีกว่า จะเห็นได้ว่าการปลูกข้าวโพดทั้งสองแบบ เกษตรกรจะได้กำไรมากกว่าการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ขายฝักแบบเดิมๆ ที่ใช้เวลาปลูก 120 วัน แต่เกษตรกรได้กำไรเพียงไร่ละ 700 บาทต่อรอบ หรือไร่ละ 175 บาทต่อเดือนเท่านั้นเอง สาเหตุเนื่องจากการปลูกข้าวโพดในบ้านเรามักจะมีผลผลิตออกมาพร้อมกันมากในช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค. เดือนละ 900,000 ตัน
ในขณะที่ความต้องการของโรงผลิตอาหารสัตว์อยู่ที่ 500,000 ตันต่อเดือนเท่านั้นเอง เกษตรกรปลูกไปมีแต่ถูกกดราคา การเปลี่ยนมาปลูกขายต้นสดน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแน่นอน
ข้อมูลข่าว : http://www.thairath.co.th/content/837052
ท่านสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร สาระความรู้และแลกเปลี่ยนเคล็ดลับ เกร็ดความรู้ทางการเกษตรได้ที่ www.kasetnews.com “คลังความรู้คู่เกษตรกร”
#kasetnews #kasetnewsshop #เกษตรนิวส์ #ข่าวเกษตร #สินค้าเกษตร#ทำเกษตร #เกษตร #amazingthailand #ข้าวโพด