คะน้า ผักสวนครัว ที่เราได้เห็นในเมนูอาหารบ่อยมาก และสามารถกินได้ทั้งใบและก้าน ผัดน้ำมันหอยก็ดี ทำเมนูยำก็ได้ ใส่ข้าวผัดก็อร่อย ถ้าใครพอมีพื้นที่เหลือ ๆ ลองปลูกไว้กินเองที่บ้านกัน วันนี้เราขอรวบรวมวิธีปลูกผักคะน้า ปลูกอย่างไร ใช้ดินแบบไหน ดูแลยังไงไปดูกัน
สายพันธุ์ที่นิยมปลูกในไทย
คะ น้า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Brassica Oleracea Var alboglabra อยู่ในวงศ์กะหล่ำ (Cruciferac) หรือผักตระกูลกะหล่ำ มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชีย สายพันธุ์ที่นิยมปลูกในไทยเป็นคะน้าจีน มีทั้งคะน้าใบและคะน้ายอดหรือคะน้าก้าน โดยเฉพาะคะน้าฮ่องกงที่ถูกใจคนชอบกินก้านที่สุด โดยไทยสั่งเมล็ดเข้ามาปลูกและปรับปรุงพันธุ์ มี 3 พันธุ์ด้วยกัน ได้แก่
พันธุ์ใบกลม : มีลักษณะใบกว้างใหญ่ ปล้องสั้น ปลายใบมน และผิวใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ทนทานต่อดินฟ้าอากาศได้ดี ได้แก่ พันธุ์ฝางเบอร์ 1 ฝางเบอร์ 2 เป็นต้น
พันธุ์ใบแหลม : เป็นพันธุ์ที่มีลักษณะใบแคบกว่าพันธุ์ใบกลม ปลายใบแหลม ข้อห่าง ผิวใบเรียบ ได้แก่ พันธุ์ P.L.20 เป็นต้น
พันธุ์ยอดหรือก้าน : มีลักษณะ ใบเหมือนกับ คะ น้า ใบแหลม แต่จำนวนใบต่อต้น มีน้อยกว่า ปล้องยาวกว่า ได้แก่ พันธุ์แม่โจ้ 1 เป็นต้น
เคล็ดลับ ปลูกคะน้า ใช้พื้นที่น้อย โตไว เก็บกินได้ตลอดปี
วิธีปลูกคะน้า
ปลูกคะน้าในกระถาง
วิธีปลูก คะ น้า ในกระถางนั้น ขั้นตอนแรกใส่กาบมะพร้าวสับวางรองก้นกระถาง หาภาชนะร่อนดินให้ละเอียด เสร็จแล้วผสมดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 1 ส่วน (แต่หากไม่สะดวกผสมดินเอง สามารถใช้ดินสำเร็จรูปแทนได้) จากนั้นก็ใส่ลงไปในกระถางแบบไม่ต้องเต็มมาก เสร็จแล้วหย่อนเมล็ด คะ น้า ตามลงไป
ปลูกในดิน หรือแปลงผัก
มีทั้งแบบหว่านกระจายทั่วแปลง เหมาะสำหรับแปลงปลูกขนาดใหญ่ ทำเป็นการค้า และแบบแถวเดียว เหมาะสำหรับแปลงปลูกขนาดเล็กหรือผักสวนครัว โดยมีระยะปลูกระหว่างต้น และระหว่างแถวประมาณ 20X20 เซนติเมตร เสร็จแล้วผสมดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 1 ส่วน (แต่หากไม่สะดวกผสมดินเอง สามารถใช้ดินสำเร็จรูปแทนได้) หว่านเมล็ดให้กระจายทั่วทั้งผิวแปลงโดยให้เมล็ดห่างกันประมาณ 2-3 เซนติเมตร ใช้ดินผสมหรือปุ๋ยคอกหว่านกลบเมล็ดให้หนาประมาณ 0.6-1 เซนติเมตร กลบดินผิวหน้าเมล็ดผัก คะ น้า
การดูแลผัก คะน้า
คะ น้า เป็นพืชที่เติบโตได้ในดินแทบทุกชนิด โดยเฉพาะดินร่วนปนทราย ดินเหนียวปนดินร่วน ชอบดินที่ระบายน้ำได้ดี น้ำไม่ขัง ควรรดน้ำอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอทุกเช้า-เย็น หมั่นกำจัดวัชพืช และพรวนดินบ่อย ๆ วางในบริเวณที่มีแสงเพียงพอ ส่วนปุ๋ยที่นำมาบำรุงต้นควรเป็นปุ๋ยที่ธาตุไนโตรเจนสูง
ช่วงเวลาปลูก
ในการปลุก คะ น้า สามารถปลูกได้ตลอดปี แต่ช่วงเวลาที่ปลูกได้ผลดีที่สุดอยู่ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเมษายน ช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อน และฤดูฝนสามารถปลูกได้เช่นกัน แต่อาจประสบปัญหาขาดน้ำหรือฝนตกหนักทำให้ดินแน่น ผักไม่เจริญเติบโต
การเก็บเกี่ยว
ในการเก็บเกี่ยวนั้น เมื่อ คะ น้า มีอายุอยู่ที่ประมาณ 45-55 วันหลังปลูก จะสามารถเก็บเกี่ยว แต่คะน้าที่มีอายุ 50-55 วัน เป็นระยะที่เก็บเกี่ยวได้น้ำหนักมากกว่า
ประโยชน์ของ คะ น้า
ในด้านประโยชน์ของ คะ น้า มีประโยชน์มากมายมีทั้งวิตามินเอ และวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีเบต้าแคโรทีนช่วยในด้านระบบประสาทตา มีแคลเซียมเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก มีโฟเลตและธาตุเหล็กสูงช่วยบำรุงเลือดและลดความเสี่ยงภาวะโลหิตจาง มีไฟเบอร์ช่วยด้านการขับถ่าย แต่ข้อควรระวัง คือถ้ากิน คะ น้า ดิบในปริมาณมากอาจทำให้ท้องอืดได้ แถมยังสามารถนำไปทำเมนูอื่นๆ ได้อีกมากมาย
เคล็ดลับ ปลูกคะน้า ใช้พื้นที่น้อย โตไว เก็บกินได้ตลอดปี
ขอบคุณที่มา : เว็บไซต์ kapook.com