ยาสูบพืชเศรษฐกิจหลังทำนา เกษตรกรหนองคายปลูกและแปรรูป สร้างรายได้งาม
นายสมัย คำภีระ อายุ 52 ปี ที่อยู่ 28 ม.3 ต.โพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เกษตรกรที่ปลูกยาสูบของบ้านโพนสา กล่าวว่า ชาวบ้านโพนสาไม่ได้เน้นการปลูกยาสูบเป็นรายได้หลัก นอกจากการปลูกข้าวเท่านั้น แต่มีการปลูกผักและพริกเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งคุณภาพพริกอาจสู้ที่อื่นไม่ได้ แต่เป็นพริกที่ทางหมู่บ้านเน้นให้เป็นพริกปลอดสารเคมีเมื่อก่อนชาวบ้านมีฐานะความเป็นอยู่ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ต่อมาภายหลังที่ได้เริ่มประกอบอาชีพปลูกยาสูบ
ซึ่งปรากฏว่าสามารถสร้างรายได้ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แถมยังมีการออมเกิดขึ้นอีกนับจากนั้นชาวบ้านจึงเริ่มทำอาชีพปลูกยาสูบและเป็นอีกอาชีพหนึ่งภายหลังการเก็บเกี่ยวข้าวที่ทำรายได้อย่างงดงาม โดยชาวบ้านโพนสา ถือเป็นหมู่บ้านแรกที่เริ่มปลูกยาสูบ ดังนั้น จึงถือเป็นต้นแบบของการผลิตยาสูบ ซึ่งรายได้จากการทำยาสูบถือเป็นทั้งรายได้หลักและรายได้เสริม ระยะเวลาปลูกเพียงปีละครั้ง และจะเริ่มลงมือปลูกหลังทำนาเสร็จ
จำนวนต้นประมาณ 3,500 ต้นต่อไร่ แต่อาจมีมากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับระยะห่างของต้นที่แต่ละแปลงปลูกเว้นไว้ไม่เท่ากัน แต่ข้อควรระวังคือไม่ควรปลูกใกล้กันมาก เพราะเวลาเจริญเติบโตใบจะเบียดกัน ทำให้ใบไม่ใหญ่และขาดความสมบูรณ์ทั้งเรื่องน้ำหนัก ความหนา แล้วจะส่งผลต่อราคาจำหน่ายด้วยความสูงของต้นขึ้นอยู่กับความต้องการของเกษตรกรแต่ละแห่ง
สิ่งสำคัญคือต้องรดน้ำให้มาก ๆ อย่าขาดน้ำเด็ดขาดโดยใช้เวลา 3 เดือน จึงเก็บผลผลิตยาสูบประมาณเดือนมีนาคม จากนั้นเก็บได้ทุก 3 เดือน ส่วนต้นที่เก็บใบออกหมดแล้ว จะปล่อยให้แตกใบอ่อนหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าแขนง ซึ่งแขนงนี้เองสามารถเก็บไปบ่มได้อีก แต่ราคาจะถูกกว่า เพราะถือเป็นยาจืด ส่วนมากคนแก่นิยมนำไปใช้กับหมาก และจะทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหมดฤดู แล้วจึงไถกลบทิ้งเพื่อเตรียมทำนาต่อไป
ข้อมูลข่าว : http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=759532
ท่านสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร สาระความรู้และแลกเปลี่ยนเคล็ดลับ เกร็ดความรู้ทางการเกษตรได้ที่ www.kasetnews.com “คลังความรู้คู่เกษตรกร”
#kasetnews #kasetnewsshop #เกษตรนิวส์ #ข่าวเกษตร #สินค้าเกษตร#ทำเกษตร #เกษตร #amazingthailand #ยาสูบ