ระยะนี้ถั่วเหลืองอยู่ในช่วงลำต้นกำลังเจริญเติบโต กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรให้เฝ้าระวังการทำลายของหนอนกระทู้ผัก ที่มักจะเข้าทำลายลำต้นและใบไปจนถึงระยะออกดอกและติดฝัก
โดยหนอนที่ฟักออกมาจากไข่ใหม่ๆ จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม แทะผิวใบด้านล่าง ทำให้เหลือแต่เส้นใบ เมื่อผิวใบแห้งจะมองเห็นเป็นสีขาว เมื่อหนอนโตขึ้นจะแยกกลุ่มออกไปกัดกินใบทั่วทั้งแปลง จะเริ่มกัดกินจากขอบใบเข้าไป
![](https://www.kasetpure.com/wp-content/uploads/2022/09/305200275_1982496078603027_7715760719663207247_n.jpg)
หากพบการระบาด นายศรุต สุทธิอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร แนะนำให้พ่น เชื้อไวรัสของหนอนกระทู้ผัก อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือพ่นสารฆ่าแมลง แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5% EC อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไตรอะโซฟอส 40% EC อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ คลอร์ฟลูอาซูรอน 5% EC อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นเมื่อใบถูกทำลาย 30% ในระยะก่อนออกดอก 1-2 ครั้ง
![](https://www.kasetpure.com/wp-content/uploads/2022/09/304748651_1982496135269688_4253000441477271640_n.jpg)
นอกจากนี้ ยังต้องเฝ้าระวัง หนอนม้วนใบ เข้าทำลายด้วย โดยหนอนม้วนใบที่ฟักออกจากไข่ใหม่ๆจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ชักใยบางๆคลุมตัวไว้ แล้วกัดกินผิวใบ
เมื่อหนอนโตขึ้นจึงกระจายกันออกไปทั่วทั้งแปลง สร้างใยยึดใบพืชจากขอบใบของใบเดียวเข้าหากันหรือยึดใบมากกว่า 2 ใบเข้าหากันแล้วอาศัยกัดกินอยู่ในห่อใบนั้นจนหมดแล้วเคลื่อนย้ายไปทำลายใบอื่นต่อไป
หากพบการระบาดให้พ่นสารฆ่าแมลง แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5% EC อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไตรอะโซฟอส 40% EC อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นเมื่อใบถูกทำลาย 30% ก่อนออกดอก
![](https://www.kasetpure.com/wp-content/uploads/2022/09/304926071_1982496058603029_6511771573522176250_n.jpg)
“สำหรับถั่วลิสงอยู่ในช่วงระยะออกดอกและติดฝัก ให้เฝ้าระวัง โรคลำต้นเน่า หรือ โคนเน่าขาว ที่จะแสดงอาการเหี่ยวและยุบตัวเป็นหย่อมๆในแปลงปลูก บริเวณโคนต้นเหนือดินพบแผลสีน้ำตาลและมีเส้นใยของเชื้อราสาเหตุโรคสีขาวลักษณะหยาบ
ต่อมาเส้นใยของเชื้อราจะรวมตัวเป็นเม็ดเล็กๆ สีขาว แล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำคล้ายเมล็ดผักกาด ต่อมาต้นจะแห้งและตาย โรคนี้พบได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของถั่วลิสง แต่มักพบระบาดในระยะถั่วลิสงติดฝักถึงเก็บเกี่ยว”
![](https://www.kasetpure.com/wp-content/uploads/2022/09/305200955_1982496105269691_6953678995724975279_n.jpg)
ส่วนการป้องกันกำจัดโรค ผอ.สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช แนะให้เกษตรกรเตรียมแปลงปลูกโดยไถพลิกดินตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อสาเหตุโรคที่อยู่ในดิน เนื่องจากเชื้อสามารถมีชีวิตอยู่ในดินได้นาน ด้วยการใส่ปูนขาวหรือโดโลไมท์ก่อนปลูกเพื่อปรับสภาพดินในแปลงปลูกควรมีการระบายน้ำที่ดี
จัดระยะปลูกให้เหมาะสมเพื่อให้โคนต้นโปร่ง แสงแดดส่องถึง และหมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบต้นเป็นโรคให้ถอนต้นและขุดดินบริเวณที่พบนำไปทำลายนอกแปลงปลูก
![](https://www.kasetpure.com/wp-content/uploads/2022/09/305059587_1982496068603028_6942429359680690748_n.jpg)
แล้วรดดินในหลุมและบริเวณใกล้เคียงด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช คาร์บอกซิน 75% WP อัตรา 15 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ โทลโคลฟอส-เมทิล 50% WP อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อีไตรไดอะโซล 24% EC อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อีไตรไดอะโซล + ควินโตซีน 6% + 24% EC อัตรา 30-40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร รดสารทุก 5 วัน อย่างน้อย 2 ครั้ง
และหลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตควรทำลายซากถั่วลิสงโดยการไถกลบให้ลึกเพื่อตัดวงจรของเชื้อสาเหตุโรค รวมทั้งควรทำความสะอาดเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการเกษตร เช่น จอบ เสียม ทุกครั้งหลังใช้กับต้นที่เป็นโรค
.
ขอบคุณภาพ-ข้อมูล
https://www.thairath.co.th/news/local/2484671
ปรึกษาปัญหาเกษตรโทร.02-104-9999
ทักแชท https://m.me/kasetnewstv
ไลน์ @Kasetnews หรือกด
https://line.me/ti/p/%40kasetnews
กด Like
และ ติดตามเพจ
เพื่อรับข่าวสารด้านเกษตรก่อนใครได้ที่นี่
#ช่องเกษตรนิวส์ ดูได้ที่กล่อง PSI หมายเลข 72